ช่วงที่ผ่านมามีการกดแชร์เรื่องราวที่แอร์โฮสเตสท่านหนึ่งเขียนไว้เกี่ยวกับ "ความปลอดภัยและกฏที่ปฎิบัติบนเครื่องบิน" มากกว่าถึง 2,000 ครั้ง และยังมีการแชร์เรื่อยๆ
ทุกท่านควรศึกษาไว้เพื่อเป็นข้อมูลจำเป็นสำหรับการเดินทางด้วยนะครับ
ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ……
จากเหตุการณ์เครื่องบินเอเชียน่าตกที่ ซานฟรานซิสโก (SFO)
1. เครื่องบินตก หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นไม่ได้ในเที่ยวบินของคุณ
2. ท่านทราบหรือไม่ว่า Take off และ Landing เป็นช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด เรียกว่า Critical 11 Minutes คือช่วง 3 นาทีในระหว่างการนำเครื่องขึ้น และ 8 นาทีในระหว่างการนำเครื่องลง
3. เหตุฉุกเฉิน ไม่ได้มีแค่ Planned Emergency หรือ เหตุการณ์ฉุกเฉินที่รู้ล่วงหน้า และสามารถเตรียมความพร้อมให้ผู้โดยสารก่อนเครื่องลงฉุกเฉินได้ แต่ยังมี Unplanned ที่เราไม่ได้คาดคิด และไม่มีเวลาเตรียมตัว
4. เพราะเรามี Unplanned Emergency ก่องการนำเครื่องลงตามปกติ เราจึงต้องขอให้ท่านผู้โดยสาร รัดเข็มขัดที่นั่ง ปรับพนักเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรง เก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง เปิดม่านหน้าต่าง เก็บกระเป๋าของท่านไว้บนที่เก็บของ หรือใต้ที่นั่งด้านหน้า แทนการวางไว้บนตัก (อย่างที่ท่านๆ ชอบทำกัน) และ ปิดโทรศัพท์ และ อุปกรณ์อิเลคโทรนิคทุกชนิด
ทำไม? เป็นคำพูดที่ท่านผู้โดยสารมักจะถาม พร้อมกับทำหน้าหงุดหงิด กับการจู้จี้ของแอร์
ทำไมนั่นเหรอคะ...นั่นก็เป็นเพราะ
• การรัดเข็มขัดที่นั่ง ทำให้ตัวคุณไม่เลื่อนไหลลงไปกองที่พื้น เนื่องจากแรงกระแทกตอนเครื่องแตะพื้น ลองคิดดูว่าถ้าท่านอยู่บนเที่ยวบินที่ตกนี้ ถ้าท่านไม่รัดเข็มขัด หรือ รัดไม่แน่น ตัวท่านก็จะไหลลงไปกองที่พื้น กระแทกขาเก้าอี้ของคนด้านหน้า หน้าฟาดไปที่กระเป๋าที่นั่งด้านหน้า และเมื่อเครื่องบินจอดสนิท ก็จะมีแรงเหวี่ยงตัวท่านกลับมาด้านหลัง ที่เรียกกันว่า Second Impact ซึ่งหลังท่านก็อาจจะหัก และก่อนที่ท่านจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาที่เก้าอี้ ท่านก็จะถูกคนด้านข้างปีน เหยียบตัวท่านหนีตาย
• การเก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง ทำให้ตัวท่านไม่อัดเข้าไปกับโต๊ะด้านหน้า ซึ่งแรงขนาดนั้นน่าจะมากกว่าจุก และนอกจากนี้ยังทำให้ท่านมีพื้นที่ในการหนีออกมาจากเก้าอี้ได้อย่างรวดเร็ว
• การปรับเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรง ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่ในการหนีเช่นของท่านแล้ว การนั่งหลังตรง ก็เป็นท่าเตรียมพร้อมหากเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
• การเก็บกระเป๋าของท่านให้เข้าที่ในช่วงเวลานำเครื่องลง อาจจะทำให้ท่านลงจากเครื่องช้าลง หรือแทรกผู้โดยสารท่านอื่นช้าไปอีก 1 นาที แต่หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ กระเป๋าที่ท่านกอดไว้ จุดนั้นมันจะไม่รักดีอยู่บนตักท่านหรอกค่ะ มันจะกระจัดกระจาย ลอยละล่องไปในอากาศ และตกบนศรีษะของท่าน หรือผู้โดยสารข้างเคียง ซึ่งนั่นทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้ อีกทั้งกระเป๋าของท่านยังกีดขวางเส้นทางการหนีของท่านอีกด้วย คราวนี้คงได้มีคนสะดุดล้ม ซึ่งคงไม่ต้องบรรยายต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่สะดุดกระเป๋าท่าน
• การเปิดม่านหน้าต่าง ใช่ค่ะ มันไม่ได้มีผลอะไรกับแรงกระแทก ไม่ได้ทำอะไรให้ท่านบาดเจ็บ หรือกีดขวางทางหนีของท่าน แต่การเปิดม่านหน้าต่าง นอกจะท่านจะได้ชมวิวสวยๆแล้ว ท่านยังเป็นหูเป็นตา ช่วยน้องแอร์ดูภายนอกได้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เราไม่เถียงค่ะว่าท่านไม่ใช่ช่าง จะรู้ได้ไงว่ามันปกติหรือผิดปกติ แต่ถ้ามันถึงขั้นเครื่องยนต์ไฟไหม้ ท่านก็ไม่น่าจะคิดว่าปกติจริงมั้ยคะ บนเครื่องมีผู้โดยสารเป็นร้อย แต่มีแอร์แค่หลักสิบ ช่วยกันดูเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ได้ดูวิวสวยๆนะคะ
• และสุดท้าย การปิดโทรศัพท์ และอุปกรณ์อิเลคโทรนิค จากเหตุการณ์นี้น่าจะทำให้ท่านตระหนักถึงความจำเป็นของระบบสื่อสาร ระบบนำร่อง และระบบอื่นๆของเครื่องบินแล้วนะคะ ว่ามันจำเป็นมากขนาดไหน แน่นอนว่านักบินมีชั่วโมงบิน ประสบการณ์ และเก่งกันทุกคน แต่จะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าจะไม่มีอะไรไปกวนระบบเหล่านั้นเลยในระหว่างการนำเครื่องขึ้น และลงไม่ฟังเพลง ไม่เล่นเกมส์ แค่สิบกว่านาที ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังว่า ไม่น่าเลยจริงๆ จะดีกว่านะคะ
หน้าที่หลักของเราคือการพาท่านผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางของท่านอย่างปลอดภัย การเสริฟอาหารและเครื่องดื่มนั้นเป็นเพียงหน้าที่รอง ที่จะทำให้การเดินทางของท่านทั้งปลอดภัย และสะดวกสบาย ดังนั้นขอความกรุณาท่านผู้โดยสารทุกท่าน เข้าใจและปฎิบัติตามที่แอร์อย่างเราขอความร่วมมือด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
...............................................................................................................................................................................................
ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก จากคุณ แมงปอ Parawan (หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินไทยสมายล์) ไว้ ณ ที่นี้ครับ
...............................................................................................................................................................................................

No comments:
Post a Comment